อาการเอดส์ โรคเอดส์ (AIDS) เป็นภาวะการป่วย ในขั้นสุดท้าย ของการติดเชื้อ เอชไอวี (HIV) ซึ่งเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่เข้าไปสู่ ร่างกาย จะเข้าไป ทำลาย ระบบภูมิคุ้มกัน และเซลล์ เม็ดเลือดขาว ให้มีการทำงาน ที่บกพร่อง จนไม่สามารถ ต่อต้าน หรือทำลายเชื้อ ที่เข้าไปสู่ ร่างกายได้ จึงทำให้ ผู้ป่วย ที่ติดเชื้อมีสภาพ ร่างกายที่อ่อนแอ จนก่อ ให้เกิด โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย และอาจเสียชีวิตลง ในที่สุด
โดยทั่วไปแล้ว คนเราสามารถ ติดเชื้อไวรัสเอชวี ได้จากการ ไปสัมผัส กับสารคัดหลั่ง ของผู้ป่วย ติดเชื้อ เช่น เลือด น้ำอสุจิ น้ำนมแม่ หรือของเหลว จากช่องคลอด เป็นต้น
การแพร่ เชื้อเอชไอวี ส่วนใหญ่ จะมีสาเหตุ มาจากการ มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่สวม ถุงยางอนามัย หรือการใช้เข็มฉีดยา ร่วมกัน หรือแม้แต่ การที่มารดา ตั้งครรภ์ สามารถแพร่เชื้อ ไปสู่ลูก ที่อยู่ในครรภ์ได้เช่นกัน ดังนั้น หากต้องการ มีเพศสัมพันธ์ ก็ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อความเสี่ยง ต่อการแพร่เชื้อ ไปสู่ผู้อื่น อาการเอดส์
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์ ร่างกายจะมีการแสดงอาการ ออกมาให้สังเกตุ ดังนี้
– มีอาการ ทางระบบประสาท หรืออาจสูญเสียความจำ
– มีอาการท้องเสีย เรื้อรังนานกว่าปกติ
– มีอาการไข้ คล้าย ๆ ไข้หวัด เป็น ๆ หาย ๆ หรือมีอาการปอดอักเสบ
– มีเหงื่อออกในตอนกลางคืน น้ำลดลงอย่างรวดเร็ว
– มีผื่นขึ้นตามร่างกาย ช่องปาก จมูก หรือตา
– ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณคอ หรือขาหนีบ
อย่างไรก็ตาม อาการของโรคเอดส์ ก็ขึ้นอยู่กับ แต่ละระยะ ของผู้ป่วย ด้วยเช่นกัน เพราะบางระยะ อาจจะไม่มีการแสดงอาการ ออกมาให้เห็น หรือบางระยะ อาจมีการแสดงอาการ ที่เห็นได้ อย่างชัดเจน ทั้งนี้
โรคเอดส์ หรือเอชไอวี จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ
ระยะเริ่มแรก ในระยะนี้ถึงแม้ว่า จะมีการแสดงอาการ ออกมาให้เห็น แต่ก็ไม่ได้ รุนแรงมาก การติดเชื้อในระยะนี้ ก็จะมีการแพร่กระจายเชื้อ ไปทั่วร่างกาย ได้มากกว่าระยะอื่น ๆ และอาการ จะเริ่มแสดงออกมา ให้เห็นได้ใน 1-2 เดือน หลังจากได้รับเชื้อมา
ระยะสงบ ระยะนี้ จะไม่มีการแสดงอาการ ที่เด่นชัด หรือเรียกได้ว่า แทบจะไม่มีอาการใด ๆ เลย แต่เชื้อที่ อยู่ในร่างกาย ก็ยังทำหน้าที่ ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน อย่างต่อเนื่อง การติดเชื้อ ในระยะนี้ อาจจะอยู่นานเป็น 10 ปี หรือนานกว่านั้น หากได้รับยาต้าน ได้ทันเวลา และมีการรับประทาน ยาอย่างสม่ำเสมอ
ระยะเอดส์ ระยะนี้เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี หากผู้ป่วยไม่ได้เข้ารับการรักษา หรือรับยาต้าน เชื้อเอชไอวีอาจมีการพัฒนาไปสู่โรคเอดส์ได้ ภายใน 10 ปี เมื่อป่วยเป็นโรคเอดส์ ระบบภูมิคุ้มกันจะถูกทำลายลงอย่างหนัก และไม่สามารถต่อต้านเชื้ออื่น ๆ ที่เข้าไปสู่ร่างกายได้ จึงทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อมีสภาพร่างกายที่อ่อนแอและก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตลงอีกด้วย
นอกจากนี้ หากผู้ที่กำลังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ทางเดียวที่จะทำให้คุณคลายกังวลใจได้ คือ การตรวจหาเชื้อ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ได้มีชุดตรวจเอชไอวีที่สามารถทำการตรวจได้ด้วยตนเอง สามารถตรวจได้เองที่บ้าน มีความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน
โดยทาง อย. ได้มีการปลดล็อคให้ชุดตรวจเอชไอวีวางจำหน่ายผ่านทางร้านขายยา เพื่อเป็นทางออกให้สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย และ ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ทำการ ตรวจคัดกรอง ได้ด้วยตนเองก่อนได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปตรวจตามสถานพยาบาลในทันที
เพราะเข้าใจว่าไม่อยากเปิดเผยตัวตนให้ใครได้รับรู้ ซึ่งหากพบว่าผลตรวจกรองเป็นบวกจึงรีบดำเนินการมาตรวจที่โรงพยาบาล และหากผลเป็นลบ ก็ให้คลายความกังวลลง ป้องกันนตัวเองเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และที่สำคัญคือควรที่จะตรวจเอชไอวีซ้ำ หรือตรวจเป็นประจำ
อยากมั่นใจในทุกครั้งที่ตรวจ โปรดซื้อชุดตรวจเอชไอวีกับร้านที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานรับรอง
สนใจสอบถาม-สั่งซื้อสินค้า Click เพื่อ Add LINE สอบถามได้เลยค่ะ
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook