น้ำลายคนเป็นเอดส์โดนแผล เสี่ยงติดเชื้อไหม

น้ำลายคนเป็นเอดส์โดนแผล
โรคเอดส์ (AIDS) เป็นภาวะการป่วย ในขั้นสุดท้าย ของการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ซึ่งเชื้อได้เข้า ไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย มีความบกพร่อง จนไม่สามารถกำจัด หรือต่อสู้กับเชื้อได้ จึงเกิดภาวะการเจ็บป่วยได้ง่าย และอาจจะนำไปสู่ การเสียชีวิตลงได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีวิธี ที่จะรักษาโรคเอดส์ ให้หายขาดได้ มีเพียงยา ที่ช่วยชะลอการเจริญเติบโต ของเชื้อเท่านั้น หากรู้ว่าตนเอง มีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อเอชไอวี ก็ให้รีบตรวจ และเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะอาจจะช่วยไม่ให้เชื้อเอชไอวี ลุกลามไปสู่ภาวะโรคเอดส์

การติดต่อของโรคเอดส์
ปัจจัยสำคัญ และสาเหตุที่ทำให้เกิด การติดเชื้อเอชไอวี คือ

1. การมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ ผ่านทางช่องคลอด หรือทวารหนัก โดยที่ไม่ได้มีการป้องกันใด ๆ ถ้าหากว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่มีเชื้อเอชไอวีในร่างกาย ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูง ที่คู่นอนจะรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ รวมทั้งจากของเหลวในช่องคลอด น้ำอสุจิจากอวัยวะเพศชาย

หรือถ้าหากว่ามีบาดแผล และเลือดเกิดขึ้น ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้แล้วยังรวมไปถึง การมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ปาก (Oral sex) ซึ่งความเสี่ยงที่จะได้รับ ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณ ของเชื้อด้วย โดยทั่วไปแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ โดยการใช้ปากจะได้รับความเสี่ยงต่ำ ที่จะติดเชื้อผ่านทางน้ำลาย แต่หากพบว่า มีบาดแผลภายในปากด้วย ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ก็จะเพิ่มมากขึ้น

2. การติดต่อจากแม่สู่ลูก ส่วนใหญ่แล้ว จะติดต่อได้ ระหว่างทำการคลอด และส่วนน้อย จะติดระหว่างอยู่ในครรภ์ สำหรับในการให้นมลูก แพทย์จะไม่ให้แม่ผู้ติดเชื้อ ให้นมกับลูก แต่ที่จริงแล้ว ในการป้องกัน ไม่ให้ทารกในครรภ์ หรือทารกที่กำลังจะเกิด ได้รับเชื้อเอชไอวีนั้น สามารถทำได้

ถ้าหากว่าแม่ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี และต่อเนื่อง อาจจะช่วยลดความเสี่ยง ที่ลูกจะได้รับเชื้อ โดยที่คุณ ยังคงสามารถรักษาลูก ในครรภ์ของคุณต่อไปได้ และตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย

3. การรับเลือด การใช้เข็มร่วมกันกับผู้ที่ติดเชื้อ หรืออาจทำให้ได้รับเชื้อ ผ่านทางบาดแผลได้ อาจสัมผัสจากเครื่องมือ ที่ไม่สะอาด หรืออาจมีคราบเลือด และสารคัดหลั่งปนเปื้อนอยู่ ซึ่งหากการสัมผัสดังกล่าวโดนแผลก็จะยิ่งมีความเสี่ยง มากยิ่งขึ้น ที่จะติดเชื้อ

น้ำลายคนเป็นเอดส์โดนแผล เสี่ยงไหม จากข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว เพิ่มเติมจาก 3 สาเหตุที่หลักๆ ที่เราจะสามารถติดเชื้อได้ การติดเชื้อ จะไม่สามารถเกิดได้ หากเป็นการสัมผัสกับเหงื่อ น้ำตา หรือน้ำลายของผู้ติดเชื้อ การสัมผัสกับน้ำลายนั้น จะต้องได้รับในปริมาณมาก ถึงขนาดมากเป็นลิตร ถึงจะติดเชื้อได้ เพราะเนื่องจาก ในน้ำลายของคนเรา จะมีปริมาณของเชื้อเอชไอวีน้อยมาก ๆ ซึ่งร่างกาย สามารถกำจัดออกได้ หากไม่ได้รับเป็นลิตร เว้นแต่ว่าผู้ป่วย มีบาดแผลภายในปาก หรืออาจมีเลือดออกตามไรฟัน  เพราะการที่แผลสัมผัส กับสิ่งที่คาดว่าจะมีเชื้อ โอกาสที่จะติดก็จะมากขึ้น และเมื่อมีพฤติกรรมเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ เช่น โดนผู้ป่วย กัดจนเกิดบาดแผล ซึ่งในกรณีนี้ อาจได้รับความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อได้ แต่ก็มีโอกาสในการเกิดขึ้นน้อยมาก ๆ

หากใคร ที่ยังคงมีความกังวลว่าตนเองนั้นจะมี โอกาสเสี่ยงที่จะได้รับเชื้ออยู่ และไม่สบายใจเอามากๆ ก็ขอแนะนำ ให้ลองหาซื้อชุดตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตนเอง มาตรวจเพื่อความสบายใจ หรือหากว่ายังคงไม่มั่นใจอีก ก็ขอแนะนำ ให้ไปตรวจเลือดหาเชื้อ เพื่อยืนยันผลเลือดอีกครั้ง ได้ตามคลินิกนิรนาม หรือโรงพยาบาลที่รับตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีฟรี

รู้หรือไม่ว่า คนไทย สามารถตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง ที่สถานพยาบาลของรัฐ ทั้งนี้แล้วก็ควรหมั่นดูแลสุขภาพจิต และสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ตระกูลถั่ว และโปรตีน เพื่อช่วยส่งเสริม ให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีความแข็งแรง และใช้ช้อนกลางทุกครั้ง เมื่อร่วมโต๊ะอาหาร กับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ป้องกันตัวเองเสมอ หากจะมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ระมัดระวังในการใช้ชีวิต เพื่อตัวของคุณเอง

ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ก็ แอดมินก็ขอแนะนำสิ่งที่ทุดคนควรที่จะปฏิบัติไว้ คือ ให้ทุกคนออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ขั้นต่ำวันละ 30 นาที เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  ดูแลสุขภาพ ให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายของเรา ทำงานได้อย่างสมดุล