ติดต่อ-สอบถาม 082-478-9162

ไขข้อสงสัย ทำไม ผลเลือดบวก แต่ไม่พบเชื้อ ความสำคัญของการตรวจ

ผลเลือดบวก แต่ไม่พบเชื้อ , HIV , ตรวจเอชไอวี

ผลเลือดบวก แต่ไม่พบเชื้อ เข้าใจสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นและการจัดการอย่างเหมาะสม

การตรวจหาเชื้อ HIV เป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้เรารู้สถานะสุขภาพของตัวเองและสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม แต่บางครั้ง ผลตรวจเลือดอาจแสดงว่า “บวก” ซึ่งปกติหมายถึงพบแอนติบอดีที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ HIV ทว่ามีบางสถานการณ์ที่ผลเลือดบวกไม่ได้หมายความว่าคุณติดเชื้อ HIV จริง หรือในบางกรณี ผลตรวจระบุว่าบวก แต่เมื่อทำการตรวจยืนยันกลับไม่พบเชื้อ

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในผลตรวจ เช่น ผลบวกปลอม (False Positive), สถานะ U=U และการติดเชื้ออื่นที่อาจทำให้เกิดความสับสน พร้อมคำแนะนำสำหรับการจัดการผลตรวจที่ถูกต้อง

 

ผลเลือดบวกคืออะไร

ผลเลือดบวก (Positive) หมายถึงการตรวจพบแอนติบอดีหรือแอนติเจนที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ HIV ในร่างกาย ซึ่งแอนติบอดีนี้คือโปรตีนที่ระบบภูมิคุ้มกันสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อ HIV อย่างไรก็ตาม ผลเลือดบวกไม่ได้ยืนยันเสมอว่าคุณติดเชื้อ HIV จริง เพราะการตรวจหาแอนติบอดีอาจคลาดเคลื่อนได้ในบางกรณี

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แพทย์มักแนะนำให้ทำการตรวจยืนยันเพิ่มเติม เช่น:

  • Western Blot Test: ตรวจหาโปรตีนเฉพาะของเชื้อ HIV
  • PCR (Polymerase Chain Reaction): ตรวจหา RNA ของเชื้อ HIV โดยตรง

 

ทำไมผลเลือดบวก แต่ไม่พบเชื้อ

มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่ผลเลือดบวก แต่ไม่พบเชื้อ HIV จริงในร่างกาย สาเหตุหลักที่พบได้มีดังนี้:

ผลบวกปลอม (False Positive)

ผลบวกปลอมหมายถึงการที่ผลตรวจเบื้องต้นแสดงว่าพบแอนติบอดี HIV แต่เมื่อตรวจยืนยันด้วยวิธีที่แม่นยำ กลับพบว่าไม่มีเชื้อ HIV จริงในร่างกาย

สาเหตุของผลบวกปลอม:

  • การติดเชื้อไวรัสอื่น:
    บางครั้งไวรัสอื่น เช่น ไวรัส Epstein-Barr (EBV) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคโมโนนิวคลิโอสิส (Mononucleosis) หรือไวรัสตับอักเสบบีและซี อาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีที่คล้ายกับ HIV
  • โรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ:
    โรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคลูปัส (SLE) หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) อาจทำให้ร่างกายผลิตแอนติบอดีในระดับสูง ซึ่งอาจตรวจพบโดยชุดตรวจ HIV แบบเบื้องต้น
  • วัคซีนหรือยาบางชนิด:
    การได้รับวัคซีน HIV ระยะทดลอง หรือวัคซีนไวรัสชนิดอื่น เช่น วัคซีนไวรัสตับอักเสบบางชนิด อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองคล้ายกับการติดเชื้อ HIV

 

การติดเชื้ออื่นที่กระตุ้นแอนติบอดีคล้าย HIV

การติดเชื้อจากโรคอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ HIV อาจทำให้ผลตรวจเบื้องต้นคลาดเคลื่อน เช่น:

  • ซิฟิลิส (Syphilis):
    การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่สามารถส่งผลให้ผลตรวจ HIV แสดงผลบวกในบางกรณี เพราะโปรตีนของเชื้อแบคทีเรียมีลักษณะคล้ายกับแอนติบอดีของ HIV
  • Cytomegalovirus (CMV):
    ไวรัสที่พบได้ทั่วไปในคนจำนวนมาก โดยมักไม่แสดงอาการ แต่ในบางครั้งสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและสร้างแอนติบอดีที่คล้าย HIV
  • ไวรัสอื่นในกลุ่มเฮอร์ปีส์:
    เช่น ไวรัส HHV-6 ที่อาจรบกวนการตรวจเบื้องต้นและทำให้เกิดผลบวกปลอม

 

สถานะ U=U (Undetectable = Untransmittable)

สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) อย่างต่อเนื่อง ระดับเชื้อในเลือดอาจลดลงจนถึงระดับที่ตรวจไม่พบ (Undetectable) แต่ผลเลือดยังคงแสดงว่าบวก เพราะร่างกายได้สร้างแอนติบอดีตั้งแต่ช่วงที่มีเชื้อ

สถานะ U=U ไม่เพียงช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ แต่ยังหมายถึง:

  • เชื้อ HIV ต่ำมากจนไม่สามารถแพร่เชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้
  • การรักษาอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน

 

การตรวจในระยะฟักตัว (Window Period)

หากคุณตรวจในช่วงระยะฟักตัว (1-4 สัปดาห์แรกหลังสัมผัสเชื้อ) ระบบภูมิคุ้มกันอาจยังไม่สร้างแอนติบอดีเพียงพอ หรือปริมาณเชื้อในร่างกายยังต่ำเกินไปที่จะตรวจพบ แม้ว่าผลตรวจเบื้องต้นจะแสดงว่าบวก

การตรวจซ้ำหลัง 3 เดือนจะช่วยยืนยันผลได้อย่างชัดเจน

 

สิ่งที่ควรทำเมื่อผลเลือดบวก แต่ไม่พบเชื้อ

ปรึกษาแพทย์ทันที

แพทย์จะช่วยวินิจฉัยสาเหตุของผลตรวจที่คลาดเคลื่อนและแนะนำขั้นตอนการตรวจเพิ่มเติมที่เหมาะสม เช่น:

  • การตรวจ RNA ของ HIV ด้วยวิธี PCR
  • การตรวจหาโปรตีนเฉพาะตัวด้วย Western Blot

ทำความเข้าใจกับผลตรวจและสถานะสุขภาพของตัวเอง

หากผลตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อ HIV คุณสามารถมั่นใจได้ในสถานะสุขภาพของตัวเอง แต่หากผลยืนยันว่ามีเชื้อ HIV การรักษาอย่างทันท่วงทีด้วยยาต้านไวรัสเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมโรค

ดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

ไม่ว่าผลตรวจของคุณจะเป็นอย่างไร การตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่องและการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยง เช่น การใช้ถุงยางอนามัย และหลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นสิ่งสำคัญ

 

ผลเลือดบวกไม่ได้หมายถึงการติดเชื้อเสมอไป

“ผลเลือดบวก แต่ไม่พบเชื้อ” เป็นสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ผลบวกปลอม การตอบสนองต่อการติดเชื้ออื่น หรือการรักษาอย่างต่อเนื่องจนเชื้อลดลง (U=U) การทำความเข้าใจและการตรวจยืนยันเพิ่มเติมเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณรับมือได้อย่างมั่นใจ

อย่าลืมว่า การตรวจ HIV อย่างสม่ำเสมอคือวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพของตัวเอง และหากคุณกำลังมองหาวิธีตรวจที่สะดวกและแม่นยำ ชุดตรวจ HIV อินสติ (INSTI HIV Self-Test) คือตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยจุดเด่น เริ่มต้นดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกสถานการณ์

 

 

 


อินสติ

อินสติ มีจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วไป สามารถเข้าไปค้นหาร้านขายยาที่มีอินสติ ได้ที่ ร้านจำหน่าย INSTI 

หรือสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Grab , LINE MAN , Foodpanda , Lalamove เข้าไปที่แอพแล้วเลือกร้าน Boots เสิร์จ คำว่า ชุดตรวจเอชไอวี หรือคำว่า อินสติ หรือ Insti

ผ่านอีกหนึ่งช่องทางคือสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าโดยตรง ได้ที่

Line OA: @insti

Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี

Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST

Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST

Tiktok: อินสติ INSTI หรือ Insti.thailand-v2

Line Shopping: insti

Website: thailandhivtest.com

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook